พิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

วันที่ 28 ธันวาคม 2566 เวลา 07.30 น. ที่บริเวณลานด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองกำแพงเพชร นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร มอบหมายให้ นางสาวสุพัตรา คล้ายทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 28 ธันวาคม 2566 โดยมี นายอนุชา พัสถาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร , พ.อ.เสมอ แจ่มใส รอง ผอ.รมน.จังหวัดกำแพงเพชร, พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ, ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรม ภายในพิธี ประธานในพิธี (รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร) จุดรูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย และจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, ประธานสงฆ์ให้ศีล, จ้าหน้าที่ปฏิบัติพิธีสงฆ์อาราธนาพระปริต, พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ถวายเครื่องไทยธรรมแด่ พระสงฆ์ ประธานในพิธีทอดผ้าไตร, พระสงฆ์สดับปกรณ์ และพระสงฆ์อนุโมทนา จากนั้นประธานและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในพิธี กรวดน้ำ, กราบลาพระรัตนตรัย และประจำที่โต๊ะหมู่บูชาหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนำถวายความเคารพ ก่อนจะนำคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนรสชการ, ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 48 รูป เพื่อถวายเป็นพระราลกุศล เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 28 ธันวาคม 2566




สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เดิมพระองค์เป็นนายทหารในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ต่อมา พ.ศ. 2310 เกิดการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระองค์ได้เป็นผู้นำขับไล่ทหารพม่าที่ยึดครองกรุงศรีอยุธยาอยู่ในเวลานั้น และได้ปราบดาภิเษกเป็นพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาอีกเจ็ดเดือนถัดมา โดยพระองค์ย้ายเมืองหลวงไปยังกรุงธนบุรี และรวบรวมแผ่นดินซึ่งมีขุนศึกก๊กต่างๆ ปกครองให้กลับเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง เช่นเดียวกับการขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังทรงฟื้นฟูราชอาณาจักรในด้านต่างๆ ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติหลังสงคราม ทั้งส่งเสริมกิจการด้านเศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม และการศึกษา ภายหลังรัฐบาลไทยประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปีเป็น “วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน” และยังทรงได้รับสมัญญานามมหาราช พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เมื่อพระชนมพรรษา 48 พรรษา หลังถูกสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกซึ่งเป็นพระสหายสำเร็จโทษ และสืบราชสมบัติต่อเป็นต้นราชวงศ์จักรีในปัจจุบัน รวมเวลาครองราชย์ 15 ปี พระองค์มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมทั้งสิ้น 30 พระองค์ พระองค์ทรงเป็นวีรกษัตริย์ของชาติไทยที่ประชาชนรู้จักดีและเป็นที่เคารพสักการะมากที่สุดพระองค์หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีพระบรมราชานุสรณ์ของพระองค์มีประดิษฐานมากที่สุดในประเทศไทย













ภาพ-ข่าว : ประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร
เรียบเรียง : ธนพัฒน์ จันทรังษี
Graphic Design : ธนพัฒน์ จันทรังษี
ตรวจทาน : ชัยพันธ์ ศรีคชไกร





