คุณสมบัติพื้นฐานและคุณสมบัติต้องห้ามในการสมัครชิงตำแหน่ง สว.

คุณสมบัติพื้นฐานและคุณสมบัติต้องห้ามในการสมัครชิงตำแหน่ง สว.ชุดใหม่ นอกจากในรัฐธรรมนูญแล้ว ตาม “ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561” ยังได้กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งหาก กกต.ไม่มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบในอนาคตคุณสมบัติเหล่านี้ก็น่าจะบังคับใช้ต่อไป
การสมัครชิงตำแหน่ง สว. นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 20 กลุ่มตามลักษณะของแต่ละอาชีพ ซึ่งต้องระบุตั้งแต่ขั้นตอนการสมัคร ว่าผู้สมัครต้องการจะสมัครในกลุ่มใด เนื่องจากในขั้นตอนการคัดเลือก หรือที่เรียกกันว่า “เลือกกันเอง” ผู้สมัครจะต้องถูกแบ่งไปเลือกกันเองตามกลุ่มอาชีพที่ได้ลงสมัครไว้แต่แรก โดยทั้ง 20 กลุ่มประกอบด้วยกันดังต่อไปนี้
1.กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง เช่น อดีตข้าราชการ อดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ
2.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ หรือผู้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย
3.กลุ่มการศึกษา เช่น เช่น ผู้เป็นหรือเคยเป็นครู อาจารย์ นักวิจัย ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา
4.กลุ่มการสาธารณสุข เช่น แพทย์ทุกประเภท พยาบาล เภสัชกร
5.กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก
6.กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง
7.กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคล ซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
8.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน
9.กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมาย (SME) และ ผู้ประกอบกิจการอื่นๆ
10.กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากข้อ (9)
11.กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบกิจการหรือพนักงานโรงแรม
12.กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
13.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตรกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
14.กลุ่มสตรี
15.กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น
16.กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง
17.กลุ่มประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์
18.กลุ่มนักกีฬา สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม
19.กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
20.กลุ่มอื่นๆ
คุณสมบัติของผู้ลงสมัคร สว.
1.ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
2.ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในวันที่สมัครรับเลือก
3.มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่าสิบปี ไม่นับรวม “กลุ่มสตรี” และ “กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น”
4.ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ เกิดในอำเภอที่ลงสมัครรับเลือก
5.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของอำเภอที่ลงสมัครรับเลือก เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปีนับถึงวันที่สมัคร
6.เคยทำงานอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือก เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปีนับถึงวันที่สมัคร
7.เคยทำงานหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือก แล้วแต่กรณี เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปี
8.เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือกเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า สองปีการศึกษา
ระเบียบ กกต.ฯ ข้อ 53 กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ต้องการที่จะสมัครชิงตำแหน่ง สว. ไว้มากถึง 26 ประการ ซึ่งผู้ที่มีคุณสมบัติในการสมัครครบถ้วน ต้องตรวจสอบลักษณะต้องห้ามเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันความยุ่งยากที่จะตามมาภายหลัง
ลักษณะต้องห้ามในการสมัคร สว.
1.ติดยาเสพติดให้โทษ
2.เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
3.เป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ
4.เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
5.อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
6.วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
7.อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
8.ต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
9.เคยได้รับโทษจำคุก โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ ยกเว้นความผิดที่กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
10.เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริต หรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
11.เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
12.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือ ต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดในกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด การพนัน การค้ามนุษย์ หรือการฟอกเงิน
13.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
14.อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
15.เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
16.เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
17.เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มีการเสนอ การแปรญัตติ หรือ การกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่าย
18.เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่า เป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
19.เป็นข้าราชการ
20.เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็น สส. มาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี นับถึงวันสมัครรับเลือก
21.เป็นสมาชิกพรรคการเมือง
22.เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากการดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี นับถึงวันสมัครรับเลือก
23.เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรี เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นรัฐมนตรีมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี นับถึงวันสมัครรับเลือก
24.เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี นับถึงวันสมัครรับเลือก
25.เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตร ของผู้ดำรงตำแหน่ง สส. สว. ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ในคราวเดียวกัน หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดในศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ
26.เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ


ภาพ-ข่าว : ธนพัฒน์ จันทรังษี
เรียบเรียง : ธนพัฒน์ จันทรังษี
Graphic Design : ธนพัฒน์ จันทรังษี
ตรวจทาน : ชัยพันธ์ ศรีคชไกร







