แขวงการทางยัน เส้นทางสาย 101 ไม่มีผลกระทบต่อมรดกโลกและโบราณสถาน

     วันที่ 9 สิงหาคม 2566 เวลา 09.30 น.ที่ ห้องประชุมอินทนิลวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร อ.เมืองกำแพงเพชร  น.ส.สุพัตรา คล้ายทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานในการประชุมเสนอความคิดเห็นการกำหนดรูปแบบทางเลือกและการพัฒนาโครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบเส้นทางหลวง 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 101 สายในเมือง-ต.หนองปลิง ระยะทาง 4 กิโลเมตร มี นายสราญ มีมูซอ ตำแหน่ง วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ  ผู้จัดการโครงการกรมทางหลวง กล่าวรายงาน พร้อมผู้แทนแขวงการทางกำแพงเพชร ประชาชนในเขตพื้นที่และผู้เกี่ยวข้องร่วม 100 คน เข้าร่วมประชุมในการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว

     น.ส.สุพัตตรา คล้ายทิม กล่าวว่า ทางหลวงหมายเลข 101 สายในเมือง – ต.หนองปลิง เป็นทางหลวงในจังหวัดกำแพงเพชร เชื่อมต่อระหว่างทางหลวงหมายเลข 1 กับทางหลวงหมายเลข 112 เป็นเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางภายในตัวเมือง จ.กำแพงเพชร ปัจจุบันแนวเส้นทางมีปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้ทางไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่โครงการเบื้องต้น พบว่า แนวเส้นทางของโครงการผ่านพื้นที่อ่อนไหวทางด้านสิ่งแวดล้อมอาทิ  พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร  ซึ่งได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และยังมีแหล่งโบราณสถานในพื้นที่ทั้งหมด 50 แห่ง ในระยะ 1 กิโลเมตร จากกึ่งกลางแนวเส้นทางของโครงการ โดยโบราณสถาน

     บางแห่งตั้งอยู่ประชิดทางหลวงหมายเลข 101 เช่น วัดดงหวาย บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดบ่อสามแสน เป็นต้น ที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 48 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2561 รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันได้มีการดำเนินโครงการมาแล้ว 50% พร้อมมีการกำหนดแนวทางเลือกเบื้องต้นเพื่อให้ประชาชนผู้เกี่ยวข้องได้ตัดสินใจเลือกหรือหาข้อสรุปให้ได้ก่อนที่จะมีการดำเนินการก่อสร้าง เพื่อมีให้เกิดความขัดแย้งภายหลัง

และจากข้อมูลการสำรวจตรวจสอบสภาพพื้นที่โครงการ สามารถสรุปปัจจัยและข้อจำกัด ที่ต้องนำมาพิจารณาได้ 3 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 จุดเริ่มต้นโครงการ กม.3+500 – กม.4+975 (ในเขตพื้นที่เขตอุทยานประวัติศาสตร์) จะคงแนวถนนเดิมไม่มีการปรับแนวใด ( และใช้เขตทางเดิมกว้าง 30 เมตร ส่วนช่วงที่ 2 กม.4+975 – กม.7+000 (ช่วงนอกพื้นที่เขตอุทยานประวัติศาสตร์และมีข้อจำกัดโบราณสถาน) โดยมีการปรับแนวถนนเยงด้านซ้ายทางและขวาทาง และช่วงที่ 3 กม.7+000 – กม.8+000 (ช่วงนอกพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ ไม่ติดข้อจำกัดโบราณสถาน) โดยทำการปรับแนวถนนใหม่ให้เข้ากับแนวถนนเดิม

     อย่างไรก็ตาม การศึกษาและ สำรวจความคิดเห็นยังคงมีอีก 2-3ครั้ง เพื่อให้เกิดการตกผลึก มีความเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและ เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด

ภาพ-ข่าว : ธนพัฒน์ จันทรังษี, ศุภชัย ศรีงาม

เรียบเรียง : ธนพัฒน์ จันทรังษี

Graphic Design : ธนพัฒน์ จันทรังษี

ตรวจทาน : ชัยพันธ์ ศรีคชไกร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
ข่าวกำแพงเพชร